Shangri-La กลุ่มโรงแรมจากฮ่องกง ธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในเอเชียและจีน แบรนด์หลักคือ Shangri-La แต่ก็มีแบรนด์อื่นที่ใช้คือ Traders Hotel และ Kerry Hotel โรงแรม Shangri-La ที่เป็นที่รู้จักกันมากแห่งหนึ่งก็คือสาขากรุงเทพตรงสะพานตากสิน จุดเด่นคือโรงแรมติดแม่น้ำ มีสองปีก ในไทยยังมีสาขาที่เชียงใหม่อีกแห่งหนึ่ง Shangri-la Bangkok (ภาพจากเว็บไซต์โรงแรม) 12. Starwood บริษัทอเมริกันที่เริ่มจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ค่อยๆ ไล่ซื้อโรงแรมมาเก็บสะสมไว้เรื่อยๆ แบรนด์โรงแรมที่ดังๆ คือ Westin กับ Sheraton แต่แบรนด์อื่นๆ ก็มีให้บริการในไทยเกือบหมด โรงแรมในเครือ เช่น Aloft Four Points Le Méridien St. Regis Sheraton Westin W Hotels เมืองไทยมีเกือบครบทุกแบรนด์ เช่น Westin สุขุมวิท, ราชดำริ, W Hotel สาธร 13. Wyndham เชนโรงแรมรายใหญ่อีกแห่งของโลก ฐานสำคัญอยู่ในอเมริกา มีโรงแรมหลายแบรนด์ เช่น Wyndham, Tryp, Wingate, Hawthorn กลุ่ม Wyndham ไม่ค่อยสนใจทำตลาดในบ้านเราและฝั่งเอเชียเท่าไรนัก เท่าที่ทราบมีโรงแรมเดียวคือ Ramada Bangkok สาขาสุขุมวิท 12 เพิ่งมาเปิดในปี 2010 คุณสามารถติดตามข้อมูลการท่องเที่ยวจากเรา ที่ facebook "" ได้อีกหนึ่งช่องทางครับ
4 แสนห้อง มาเป็น 572, 340 ห้อง โตขึ้นเกินเท่าตัว 4. Wyndham Hotel Group (ปีที่แล้วอันดับ 4) Wyndham ทุนโรงแรมอีกรายจากสหรัฐอเมริกา เจ้าของแบรนด์ Wyndham ถ้าเป็นที่เมืองไทยคือแบรนด์ Ramada ยังคงตำแหน่งเดิมที่อันดับ 4 ด้วยจำนวนห้องพักรวม 678, 042 ห้อง Wyndham ถือเป็นอีกแบรนด์ที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยแล้วเช่นกัน ประเดิมแบรนด์ Days Inn สาขาแรกที่ภูเก็ต 3. IHG (ปีที่แล้วอันดับ 1) แชมป์เก่า InterContinental Hotel Group (IHG) เจ้าของโรงแรม Holiday Inn และ InterContinental อันดับร่วงลงมา 2 อันดับ จำนวนห้องพักรวม 744, 368 ห้อง การตกอันดับของ IHG น่าจะส่งผลให้เราได้เห็นบริษัทเร่งปรับตัว แบรนด์โรงแรมในเครือ IHG ประจำปี 2016 2. Hilton Worldwide (ปีที่แล้วอันดับ 2) Hilton รองแชมป์เก่ายังรักษาอันดับ 2 ไว้ได้ โดยเร่งขยายจำนวนห้องพักจาก 7 แสนห้องขึ้นมาเป็น 751, 350 ห้อง และพยายามปรับตัวด้วยหลายมาตรการ เช่น ออกแบรนด์ Tru by Hilton เพื่อจับตลาดลูกค้าคนรุ่นใหม่ Hilton Amsterdam Airport Schiphol ในเนเธอร์แลนด์ 1. Marriott + Starwood (ปีที่แล้วอันดับ 3 และ 7) การรวมตัวของ Marriott และ Starwood ต้องผ่านมหากาพย์การเจรจาซื้อขายต่อราคากันมาหลายเดือน ในที่สุดก็จบลงด้วย Marriott สามารถซื้อ Starwood ได้สำเร็จ แม้จะต้องจ่ายราคาแพงขึ้นอีกมาก แต่การรวมตัวของบิ๊กเนม 2 รายส่งผลให้เกิด "อภิมหากลุ่มทุนโรงแรม" ขนาดยักษ์ ที่มีห้องพักรวมกันมากเกิน 1 ล้านห้องทั่วโลกได้เป็นรายแรก (ตัวเลขเป๊ะๆ คือ 1, 108, 852 ห้อง) ซึ่งก็น่าจะสร้างผลสะเทือนต่ออุตสาหกรรมโรงแรมได้อีกมาก ที่มา – Hospitality-On ติดตามข่าวสารจากเราได้ทาง Facebook เพจ หรือ กด Like ด้านล่างค่ะ
ซี.
Home Inns (ปีที่แล้วอันดับ 9) กลุ่มทุนของจีนที่ 2Baht เคยรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ปีนี้ Home Inns ขยับอันดับขึ้นมา 1 ขั้น มีจำนวนห้องพักรวม 321, 802 ห้อง แซงหน้า Best Western ขึ้นมาแบบฉิวเฉียด 7. Choice Hotels (ปีที่แล้วอันดับ 5) กลุ่มทุนโรงแรมจากอเมริกา ที่ไม่ได้ซื้อกิจการเพิ่ม แต่ ขยับตัวลงมาทำธุรกิจ Vacation Rentals แข่งกับ Airbnb ก็หวังว่าจะดีดอันดับกลับมาได้ดีดังเดิม (ปีนี้ตกไป 2 อันดับ) มีจำนวนห้องพักรวม 507, 483 ห้อง 6. AccorHotels + FRHI (ปีที่แล้วอันดับ 6) Accor กลุ่มทุนโรงแรมรายใหญ่ที่สุดจากฝรั่งเศส ยังยืนอยู่อันดับ 6 ตามเดิม แม้ว่าในรอบปีที่ผ่านมาเพิ่งมีข่าว Accor ซื้อกิจการ FRHI กลุ่มทุนโรงแรมจากสวิสมาเสริมทัพ แต่เนื่องจากคู่แข่งก็ขยับกันเยอะ เลยยังอยู่ที่อันดับเดิม (แถม FRHI เน้นความหรูมากกว่าจำนวนห้อง) จำนวนห้องพักรวม 554, 517 ห้อง 5. Jin Jiang + Plateno + Vienna Hotel Group (ปีที่แล้วอันดับ 10) Jin Jiang กลุ่มทุนของจีนที่กำลังมาแรง ไต่จากปีที่ที่อันดับ 10 พอดี ปีนี้ไล่ซื้อกิจการเพิ่มทั้ง Plateno และ Vienna Hotels Group (ทั้งสองบริษัทเป็นทุนโรงแรมภายในประเทศจีนเอง แม้จะใช้ชื่อ Vienna ก็ตาม) ส่งผลให้อันดับกระโดดพรวดขึ้นมาถึง 5 อันดับ จำนวนห้องพักเพิ่มจากประมาณ 2.
Carlson Rezidor บริษัทข้ามชาติที่เกิดจากการรวมบริษัท Carlson ของอเมริกา กับ Rezidor ซึ่งเป็นโรงแรมของ Scandinavian Airlines ในอดีต แบรนด์ดังในเครือคือ Radisson โรงแรมในเครือ Radisson, Radisson Blu, Radisson Red Country Inn Park Inn Park Plaza แบรนด์ที่คุ้นกันหน่อยในบ้านเราคือ Radisson ที่มีสาขาแถวซอยนานา และ Radisson Blu ที่เพิ่งเปิดแถวๆ อโศก ก่อนหน้านี้เคยมี Radisson พระรามเก้าแต่กลายเป็น Golden Tulip ไปแทนแล้ว 3. Four Seasons กลุ่มโรงแรมหรูจากแคนาดา เจ้าของแบรนด์ Four Seasons มีจำนวนโรงแรมทั่วโลกประมาณ 100 แห่ง ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเจ้าของตึกและที่ดิน แต่ใช้วิธีเข้าไปช่วยออกแบบและบริหารแทน เจ้าของปัจจุบันของ Four Seasons คือ Cascade Investment บริษัทลงทุนของบิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ และ Kingdom Holding บริษัทลงทุนแห่งชาติของซาอุดิอาระเบีย ถือหุ้นรวมกันประมาณ 90% โรงแรม Four Seasons ในบ้านเรามีสาขาที่ถนนราชดำริ เกาะสมุย และสาขาเชียงใหม่ Four Seasons ราชดำริ (ภาพจากเว็บไซต์ Four Seasons) 4. FRHI FRHI กลุ่มโรงแรมจากแคนาดา ปัจจุบันเจ้าของคือกลุ่มทุนจากกาตาร์และซาอุ โรงแรมในเครือคือ Fairmont, Raffles, Swissôtel โรงแรมสัญลักษณ์ของเครือนี้คือ Raffles Hotel ที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่ตั้งชื่อตาม Sir Stamford Raffles ข้าหลวงอังกฤษ ผู้ก่อตั้งเกาะสิงคโปร์ Raffles Singapore (ภาพจากเว็บไซต์ Raffels) ส่วนบ้านเราใช้แบรนด์ Swissotel ทำตลาดเพียงอย่างเดียว โดยมี 3 สาขาคือรัชดา (Swissotel Le Concorde) ปาร์คนายเลิศ ( รีวิว บุฟเฟต์ติ่มซำ ห้องอาหาร Noble House โรงแรม Swissotel Park Nailert) และภูเก็ต แบรนด์โรงแรมในเครือ Fairmont Raffles Swissotel 5.
เคยรายงาน 10 อันดับกลุ่มทุนโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกปี 2015 จากการจัดอันดับของบริษัท MGK Hospitality มาปีนี้ MGK Hospitality อัพเดตอันดับ 10 กลุ่มทุนโรงแรมประจำปี 2016 แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ กลุ่ม Marriott (อันดับ 3 ปีที่แล้ว) ซื้อกิจการ Starwood (อันดับ 7 ปีที่แล้ว) ส่งผลให้กลุ่ม Marriott Starwood กลายเป็นแชมป์กลุ่มทุนโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายใหม่ทันที อันดับที่เหลือก็มีความเปลี่ยนแปลงพอสมควร เพราะรอบปีที่ผ่านมามีการซื้อกิจการโรงแรมกันเยอะมาก ขอไล่จากอันดับ 10 ขึ้นไป ดังนี้ 10. Huazhu (ติดอันดับเป็นครั้งแรก) Huazhu กลุ่มทุนโรงแรมจากจีน เข้ามาติดอันดับ Top 10 เป็นปีแรก บริษัทมีแบรนด์โรงแรมท้องถิ่นในเครือจำนวนมาก รวมถึงมีข้อตกลงเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับกลุ่ม Accor ของฝรั่งเศส ในการบริหารโรงแรมแบรนด์ของ Accor ในประเทศจีนด้วย (เช่น Ibis) ปัจจุบัน Huazhu มีจำนวนห้องพักรวม 278, 843 ห้อง มีโรงแรมมากกว่า 2, 000 แห่งใน 300 เมืองทั่วประเทศจีน 9. Best Western (ปีที่แล้วอันดับ 8) กลุ่มโรงแรมจากสหรัฐอเมริกา ตกลงมาจากเดิม 1 อันดับ เพราะโดนโรงแรม Home Inns ของจีนแซงขึ้นมา จำนวนห้องของ Best Western อยู่ที่ 311, 870 ห้อง แต่ช่วงหลังเรา เริ่มเห็น Best Western เข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น ชื่อนี้ก็น่าจะคุ้นหูคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน 8.
00 น. และเช็คเอาท์ได้จนถึง 14.
ดา เอ็นโดรฟิน จู่ๆก็งานเข้ากลังไปโปผล่เมนต์ อิโมจิรูปมือในคอมเมนต์โพสต์ของ โทนี่ รากแกน เคลื่อนไหวทางการเมือง สถานทูตยืนยัน! สหรัฐฯ บริจาค วัคซีนไฟเซอร์ ให้ประเทศไทย จำนวน 1. 5 ล้านโดส มูลค่าสูงถึง 30 ล้านเหรียญ หรือตกโดสละ 20 เหรียญ!
เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ไม่เคยเสียเอกราช ก็ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียกันแน่ ในสมัยที่จักรวรรดิยุโรปรุกรานเอเชีย โดยเราเป็นประเทศเดียวเท่านั้นที่ไม่ถูกฝรั่งเศสและอังกฤษที่ขนาบข้างมา ยึดรอบประเทศรอบข้างไปหมด แต่สุดท้ายกลับเสียดินแดนในเหตุการณ์ ร. ศ. 112