โรคไข้ปอนเตียก โรคนี้ไม่ใช่โรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายแสดงปฏิกิริยาต่อแอนติเจนที่สูดหายใจเข้าไป ซึ่งแม้จะไม่ก่อให้เกิดอาการปอดบวม แต่หากปล่อยให้อากาศปนเชื้อโรคจากแอร์เข้ามาทำให้ป่วย บอกเลยว่าคงต้องทนไม่สบายกายไปประมาณ 2-5 วัน แล้วจากนั้นอาการจะค่อย ๆ หายไปได้เอง 4. โรคจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ไม่ว่าจะเป็นวัณโรค อีสุกอีใส หืดหอบ ปอดบวม หรือหัดเยอรมัน โรคต่าง ๆ เหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากอากาศที่ผ่านช่องแอร์มาก็ได้ เพราะในเครื่องปรับอากาศมีเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราอยู่ไม่รู้ตั้งเท่าไร อีกทั้งเมื่อเปิดแอร์ก็มักจะต้องปิดหน้าต่างและประตู ซึ่งอาจทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เชื้อโรคต่าง ๆ ที่แฝงมากับแอร์เย็น ๆ เลยวนเวียนอยู่กับเราได้อย่างสบายใจเฉิบ 5. ผื่นแพ้ ผิวหนังอักเสบ แม้เครื่องปรับอากาศจะทำให้คลายร้อนลงได้ แต่อย่าลืมว่าแอร์ยังแฝงไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ที่ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสุขภาพแทบทั้งสิ้น อีกทั้งในสภาพอากาศเย็น ๆ ก็ย่อมเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอยู่แล้ว โดยเฉพาะหากเปิดแอร์แล้วได้กลิ่บอับ นั่นแปลได้ว่าเครื่องปรับอากาศของคุณมีเชื้ออันตรายแฝงอยู่มากจนล้นออกมาแสดงตัวด้วยกลิ่น นอกจากจะเสี่ยงโรคทางเดินหายใจแล้ว อากาศเย็น ๆ ปนเชื้อโรคจากแอร์ที่มาโลมเลียผิวกาย อาจทำให้เสี่ยงต่อโรคผิวหนังอักเสบและผื่นคันได้ด้วย 6.
เคยเป็นกันมั้ย? เวลาที่กลับมากจากการเดินทางไปไหนสักที่ แล้วพบเจอกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว พอถึงบ้าน ก็รีบเปิดแอร์ แต่ก็ไม่เย็นทันใจสักที ซึ่งปัญหาแอร์ไม่เย็นนั้นเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่ พบเจออบ่อยๆก็คงจะเป็น "ปรับผิดโหมด" เพราะอาจจะยังไม่รู้จักการทำงานของโหมดต่าง ๆ ของแอร์ ซึ่งถ้าเลือกใช้โหมดแอร์ที่ถูกกับสถานการณ์ก็จะยังทำให้บ้านเย็นไว และช่วยประหยัดค่าไฟได้ด้วย. โดยทั่วไปโหมดของแอร์หลักๆจะมีอยู่ 4โหมด คือ Auto, Cool, Dry และ Fan ลองไปดูการทำงานแต่ละโหมดว่ามีการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง 1. โหมด Auto 🔁 โหมดนี้ยังคงเป็นโหมดที่ใช้ง่ายที่สุดเพราะแทบจะไม่ต้องไปปรับอะไรเลย โหมด Auto จะทำงานเองโดยที่จะสลับระหว่างโหมด Cool กับ โหมด Dry เพื่อให้อุณหภูมิเป็นไปตามที่เราตั้งไว้ ถ้าอุณหภูมิต่ำไปก็จะปิดโหมด Cool เพื่อทำให้อุณหภูมิห้องอุ่น ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป โหมด Cool ก็จะทำงานขึ้นมาเองเพื่อปรับให้อุณหภูมิห้องต่ำลง 2. โหมด Cool ❄️ ชื่อโหมดก็บอกชัดเจนแล้วว่า "Cool" การทำงานของโหมดนี้จะเป็นการควบคุมอุณหภูมิห้องให้ต่ำ ตามที่เราตั้งไว้ ซึ่งน่าจะเป็นโหมดที่ถูกใจคนไทยมากที่สุดแล้วแหละ เรียกได้ว่าเป็นโหมดที่เย็นสบายได้ดั่งใจจริง ๆ 3.
ล้างแอร์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? ถ้าคอมเพรสเซอร์ตัวนอกทำงานแลดูปกติ ลองนึกดูซิว่าเราล้างแอร์ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? การล้างแอร์ตามเวลาที่เหมาะสมควรทำทุกๆ 4 - 6 เดือน เพราะถ้าไม่ได้ล้างแอร์นาน เป็นไปได้ว่าแอร์สกปรก ด้วยศัตรูตัวร้ายในอากาศ อย่างฝุ่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส อาจสะสมกองทัพไว้ในแผงคอยล์ จนคอยล์ระบายทั้งความเย็นและความร้อนได้ไม่สะดวก ทำงานได้ไม่เต็มที่ สุดท้ายคอมเพรสเซอร์เกิดการอุดตัน กรณีนี้ ติดต่อช่างแอร์ด่วนๆ เหมือนกัน และหากต้องการล้างแอร์เพื่อให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสามารถกดด้านล่างเพื่อโหลดแอปพลิเคชั่นและเรียกบริการล้างแอร์ง่ายๆจาก Seekster พร้อมส่วนลด 50 บาท เพียงกรอก CODE: BLG50NC ในหน้าชำระเงิน (สำหรับผู้ใช้งานล้างแอร์ครั้งแรกเท่านั้น) 5. น้ำยาแอร์ขาด น้ำยาแอร์รั่ว รึเปล่า? ถ้าเราเพึ่งล้างแอร์ไปได้ไม่กี่เดือน น้ำยาแอร์นั้นเป็นที่รู้ๆกันว่าเป็นสารที่ให้ความเย็น ลองไปดูตามท่อน้ำยาแอร์ว่า มีน้ำแข็งเกาะ น้ำหยดติ๋งๆอยู่รึเปล่า? ถ้ามีแสดงว่า เกิดการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ ทำให้น้ำยาแอร์ขาด แอร์เลยมีแต่ลมๆออกมาค่ะ สาเหตุนี้เราไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง(นอกจากมีอุปกรณ์ตรวจวัด) ซึ่งจะต้องให้ช่างแอร์มาตรวจสอบให้ (เรียกบริการช่างแอร์ Seekster ได้เลย ที่นี่) ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ "แอร์ไม่เย็น" ซึ่งการจะเรียกช่างนั้น หลายบ้านอาจบ่นว่ายากเย็น ทั้งต้องรอคิว ทั้งต้องเสี่ยงว่าจะได้ช่างที่ไม่มีประสบการณ์ Seekster มีบริการล้างแอร์ และบริการซ่อมแอร์จากช่างผู้ชำนาญงานตลอดจนติดตั้งแอร์ เรียกได้ว่า ครบจบในที่เดียว รวมทั้งเราบริการอื่นๆอีก สามารถเข้าไปดูได้ ที่นี่ เลย
โดยปรกติแล้วแอร์ถูกสร้างมาเพื่อให้ความเย็น แต่หากในวันใดที่แอร์ไม่เย็น ขอให้ตรวจเช็คสิ่งเหล่านี้ก่อนเพื่อการแก้ไขด้วยตัวเองในเบื้องต้น
1. เช็คแบตเตอรี่รีโมท เพื่อตรวจสอบว่ารีโมทยังทำงานอยู่หรือไม่
2. เช็คการตั้งค่าแอร์บนรีโมท ตรวจสอบความเย็นได้โดยปรับใช้โหมด Cool และปรับแรงพัดลมสูงสุด
3. เช็คการทำความสะอาดแผ่นกรองหรือล้างแอร์ ในหลายกรณี ที่เครื่องปรับอากาศไม่เคยถูกทำความสะอาดเลย จึงเกิดสิ่งสกปรกสะสมและอุดตันเกิดขึ้น ทำให้แอร์ไม่เย็นได้
4. เช็ค Error Code หากได้ทำการตรวจเช็คทั้ง 3 ข้อแล้วพบว่าเครื่องปรับอากาศยังมีปัญหาในการทำความเย็น
อย่างไรก็ตาม หากพบปัญหาการใช้งาน เพื่อความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้าสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้
1. สำหรับลูกค้ายังไม่ได้ลงทะเบียนบัตรรับประกันออนไลน์ โปรดลงทะเบียนบัตรรับประกันเป็นอันดับแรก และลงทะเบียนแจ้งซ่อมเป็นลำดับต่อไปดังนี้
1. 1 ลงทะเบียนบัตรรับประกัน
1. 2 ลงทะเบียนแจ้งซ่อม
2. สำหรับลูกค้าที่ทำการลงทะเบียนบัตรรับประกันออนไลน์เรียบร้อยแล้ว สามารถกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนแจ้งซ่อม จากลิงก์ด้านล่างทันทีที่
หลายคนคงเคยประสบปัญหาเปิด แอร์ แล้วแต่มีลมเป่าออกมา เหมือนพัดลมตั้งโต๊ะ โดยที่ไม่มีความเย็นเอาซะเลย เหตุการณ์แบบนี้ หากเกิดขึ้นในช่วงกลางวันก็โชคดีหน่อย เพราะสามารถโทรเรียกช่างมาแก้ปัญหาได้ทันที แต่ถ้าดันเกิดเหตุในช่วงกลางดึกหละ? จะโทรเรียกช่างก็ไม่ได้ คงต้องนอนหลับไม่สบายไปทั้งคืน แล้วเราจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไรบ้าง ลองมาดูกันดีกว่าครับ 1. ตรวจสอบโหมดการใช้งานแอร์ ก่อนอื่นลองหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมาดูว่า เราเปิดใช้ เครื่องปรับอากาศ ที่โหมดไหน เครื่องปรับอากาศ ทำงานที่โหมดพัดลมหรือเปล่า ถ้าใช่ก็เปลี่ยนโหมดเสียใหม่ เพราะหลายๆ คนอาจมองข้ามเรื่องเล็กๆ แบบนี้ไปได้ 2. ลืมปิดหน้าต่างหรือเปล่า ลองดูซิว่า ลืมปิดประตู หรือ หน้าต่างไว้หรือเปล่า เพราะถ้าลืมปิดหน้าต่างหรือประตูก่อนจะเปิด เครื่องปรับอากาศ แล้วละก็ นอกจากจะทำให้ห้องร้อนแล้ว ยังเปลืองค่าไฟด้วยนะครับ 3. ตรวจดูฟิลเตอร์ว่าตันไหม อาจมีฝุ่นละอองไปอุดตันที่ฟิลเตอร์ของ เครื่องปรับอากาศ ทำให้การระบายอากาศติดขัด ลองถอดเอาฟิลเตอร์ไปล้างทำความสะอาด และเช็ดให้แห้งก่อน จากนั้นค่อยนำมาใช้งานใหม่ ถ้าอากาศกลับมาเย็นเหมือนเดิมก็หายห่วง หลับสบายได้แล้วครับ 4.